การประยุกต์ใช้ ISO 45001 จนลดอุบัติเหตุได้เป็นศูนย์

เรียนรู้ขั้นตอน ปัญหา และวิธีแก้ไขที่เกิดขึ้นระหว่างการปรับใช้มาตรฐาน
ในโลกของอุตสาหกรรมที่ความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้น ๆ มาตรฐาน ISO 45001 ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างระบบการจัดการด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยอย่างยั่งยืน หลายโรงงานที่นำมาตรฐานนี้ไปใช้ต่างสามารถลดอุบัติเหตุได้อย่างชัดเจนจนถึงระดับ “ศูนย์” บทความนี้จะนำเสนอกรณีศึกษาจาก “บริษัท เอ็มเค อินดัสทรี (ประเทศไทย) จำกัด” (นามสมมติ) โรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ขนาดกลางที่ประสบความสำเร็จในการประยุกต์ใช้ ISO 45001 จนลดอุบัติเหตุเป็นศูนย์ พร้อมเล่าถึงขั้นตอน ปัญหา และแนวทางแก้ไขที่เกิดขึ้นจริง
การเตรียมความพร้อมและวางแผน (Planning)
ก่อนที่จะนำ ISO 45001 มาปรับใช้ บริษัทเอ็มเคฯ ได้ประเมินสถานการณ์ภายในเบื้องต้น โดยมีการจัดตั้งคณะทำงานด้านความปลอดภัยและสุขภาพ (Safety Committee) ขึ้นมาเฉพาะกิจ เพื่อวิเคราะห์ความเสี่ยงในกระบวนการผลิต ทั้งในส่วนของเครื่องจักร วัสดุเคมี และขั้นตอนการทำงาน คณะทำงานนี้ยังได้ค้นหาช่องว่าง (Gap Analysis) ระหว่างมาตรฐานที่มีอยู่ภายในองค์กรกับข้อกำหนดของ ISO 45001 หลังจากนั้นได้สร้าง “แผนงานด้านความปลอดภัย” เพื่อปรับปรุงข้อบกพร่องและกำหนดเป้าหมายที่ต้องการ เช่น การลดอุบัติเหตุให้เป็นศูนย์ภายในสองปี
ปัญหาที่พบ:
- บุคลากรในระดับปฏิบัติการไม่เข้าใจความสำคัญของมาตรฐานใหม่
- ขาดเครื่องมือในการตรวจวัดประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยอย่างเป็นรูปธรรม
วิธีแก้ไข:
- จัดการอบรมเชิงลึกให้แก่พนักงานทุกระดับ
- ปรับปรุงแบบฟอร์มบันทึกเหตุการณ์ใกล้เคียง (Near-miss) และการรายงานอุบัติการณ์ (Incident Reporting) เพื่อเก็บข้อมูลชัดเจนและตรวจสอบได้
การดำเนินงานและสนับสนุน (Implementation & Support)
หลังจากได้วางแผนอย่างครบถ้วน บริษัทจึงเริ่มนำระบบเข้ามาใช้จริง โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 3 ด้านหลัก ได้แก่
- การพัฒนาบุคลากร:
จัดอบรมบุคลากรทุกระดับ ตั้งแต่พนักงานฝ่ายผลิต ช่างเทคนิค จนถึงผู้บริหาร ให้เข้าใจถึงวิธีปฏิบัติตามข้อกำหนด ISO 45001 และเน้นสร้าง “วัฒนธรรมความปลอดภัย” ภายในองค์กร เช่น การสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) การตรวจสอบสภาพเครื่องจักรก่อนใช้งาน และการทำ 5ส. - การจัดทำเอกสารและระเบียบปฏิบัติ:
ออกนโยบายด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย จัดทำคู่มือความปลอดภัย และสร้างมาตรการปฏิบัติงานที่ชัดเจน (Work Instructions) รวมถึงกำหนดบทบาทความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงาน - การใช้เทคโนโลยีสนับสนุน:
ติดตั้งระบบเซ็นเซอร์และอุปกรณ์ IoT สำหรับตรวจจับความผิดปกติของเครื่องจักร แจ้งเตือนเมื่อมีโอกาสเกิดความเสี่ยง รวมถึงใช้โปรแกรมบริหารจัดการเอกสารด้านความปลอดภัยและบันทึกการตรวจสอบในรูปแบบดิจิทัล
ปัญหาที่พบ:
- ผู้ปฏิบัติบางคนยังขาดทักษะการใช้งานเทคโนโลยีใหม่ ๆ
- เอกสารในระบบยังไม่สอดคล้องหรือทับซ้อนกับเอกสารอื่นในองค์กร
วิธีแก้ไข:
- จัดทีม “พี่เลี้ยง” เป็นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญภายใน ดูแลให้คำปรึกษาเรื่องเทคโนโลยีและขั้นตอนการทำงาน
- จัดประชุมร่วมกันทุกสัปดาห์ เพื่อตรวจสอบความสอดคล้องของเอกสาร และปรับแก้ให้เหมาะสม
การประเมินผลและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง (Monitoring & Continuous Improvement)
เมื่อระบบถูกใช้งานได้สักระยะ หนึ่งในหัวใจหลักของ ISO 45001 คือการตรวจติดตามและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง บริษัทเอ็มเคฯ จึงกำหนดให้มีการตรวจสอบภายใน (Internal Audit) อย่างน้อยทุกไตรมาส โดยมอบหมายคณะทำงานความปลอดภัยเข้าตรวจสอบกระบวนการจริง สัมภาษณ์พนักงานทุกระดับ และวัดผลจากตัวชี้วัด (KPI) เช่น อัตราการเกิดเหตุใกล้เคียง (Near-Miss Rate) และค่าความถี่ของอุบัติเหตุ (Incident Frequency Rate)
ปัญหาที่พบ:
- พนักงานเริ่มขาดความตระหนักในการรายงานเหตุการณ์ใกล้เคียง เพราะมองว่าขั้นตอนยุ่งยาก
- ขาดการสื่อสารผลการปรับปรุงให้พนักงานได้รับรู้เพื่อสร้างแรงจูงใจ
วิธีแก้ไข:
- ปรับปรุงระบบรายงานให้ “ง่าย” และ “รวดเร็ว” มากที่สุด เช่น ทำผ่าน QR Code หรือแอปพลิเคชันในสมาร์ตโฟน
- จัดทำสรุปผลการตรวจสอบรายเดือน ติดบอร์ดประชาสัมพันธ์ และประกาศผ่านช่องทางออนไลน์ของบริษัท
ผลลัพธ์และบทเรียน
หลังจากดำเนินงานตามมาตรฐาน ISO 45001 อย่างต่อเนื่อง บริษัทเอ็มเคฯ สามารถลดอุบัติเหตุให้เป็นศูนย์ได้ภายในเวลาไม่ถึงสองปี สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือ
- ประหยัดต้นทุน ลดค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการหยุดเครื่องจักรเพื่อซ่อมแซมและค่ารักษาพยาบาลพนักงาน
- เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต พนักงานมีความมั่นใจในสภาพแวดล้อมการทำงาน และพร้อมทำงานอย่างเต็มกำลัง
- สร้างภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือ ส่งผลดีต่อคู่ค้าและลูกค้า ซึ่งมองว่าองค์กรให้ความสำคัญกับสวัสดิภาพและความปลอดภัยของพนักงาน
ข้อแนะนำสำหรับผู้ประกอบการ
- ให้ความสำคัญกับบุคลากรเป็นอันดับแรก สร้างการมีส่วนร่วมและให้ความรู้ เพื่อให้ทุกคนเข้าใจว่าความปลอดภัยคือหน้าที่ของทุกคน
- สร้างระบบรายงานและติดตามที่คล่องตัว เพื่อให้ข้อมูลถูกนำไปใช้ประกอบการปรับปรุงได้อย่างรวดเร็ว
- ย้ำกระบวนการสื่อสารต่อเนื่อง ทั้งภายในและภายนอกองค์กร เพื่อให้วัฒนธรรมความปลอดภัยหยั่งรากลึก
- ปรับปรุงไม่หยุดนิ่ง การจะรักษาการเกิดอุบัติเหตุเป็นศูนย์ต่อไปจำเป็นต้องตรวจติดตามและเสริมสร้างมาตรการใหม่ๆ อยู่เสมอ
บทสรุป
เคสของบริษัทเอ็มเคฯ สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า ISO 45001 ไม่ใช่เพียง “ใบรับรอง” แต่เป็นระบบบริหารจัดการด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยที่ให้ผลลัพธ์เป็นรูปธรรม หากมีการวางแผน เตรียมพร้อม ลงมือปฏิบัติ และปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง โรงงานอุตสาหกรรมใด ๆ ก็มีโอกาสลดอุบัติเหตุให้เหลือศูนย์ได้เช่นกัน
เมื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยจนถึงจุดที่พนักงานมีสุขภาพและสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี ผลประกอบการและภาพลักษณ์ขององค์กรก็จะเติบโตอย่างยั่งยืนตามไปด้วยอย่างแท้จริง